เจ็บหน้าอก: โรคหัวใจหรือกรดไหลย้อน? เช็กให้ชัดก่อนอันตรายถึงชีวิต
ความเข้าใจพื้นฐาน: เจ็บหน้าอกไม่ใช่แค่โรคหัวใจ หลายคนมักเข้าใจว่าอาการเจ็บหน้าอกหมายถึง โรคหัวใจ ทันที ซึ่งไม่ผิด แต่ไม่ถูกทั้งหมด เพราะอาการนี้สามารถเกิดได้จากหลายระบบในร่างกาย เช่น:
- ระบบทางเดินอาหาร (เช่น กรดไหลย้อน)
- ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ)
- ระบบทางเดินหายใจ (เช่น ปอดอักเสบ)
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด (เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ)
เปรียบเทียบอาการ: โรคหัวใจ VS กรดไหลย้อน
1. ลักษณะของอาการเจ็บ
โรคหัวใจ (โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ):
- เจ็บแน่นแบบบีบ รัด หรือกดทับที่กลางหน้าอก
- อาจลามไปที่คอ กราม ไหล่ หรือแขนซ้าย
- มักเกิดขึ้นเวลาทำกิจกรรม เช่น เดินเร็ว วิ่ง หรือขึ้นบันได
- ดีขึ้นเมื่อหยุดพัก
กรดไหลย้อน (GERD):
- เจ็บแสบกลางหน้าอก หรือรู้สึก "ร้อน" ขึ้นมาถึงคอหรือปาก
- อาการแย่ลงหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะมื้อใหญ่หรืออาหารมัน
- อาจรู้สึกขมในปาก เรอเปรี้ยว
- อาการมักแย่ลงเมื่อเอนตัวหรือนอน
2. ระยะเวลาและความต่อเนื่องของอาการ
โรคหัวใจ:
- เจ็บไม่นาน ส่วนใหญ่น้อยกว่า 10-15 นาที
- แต่เกิดซ้ำบ่อย โดยเฉพาะเมื่อออกแรง
กรดไหลย้อน:
- อาจเจ็บต่อเนื่องนานเป็นชั่วโมง
- อาจเกิดขึ้นหลายครั้งต่อวัน และมักสัมพันธ์กับการกินหรือท่านอน
3. ปัจจัยกระตุ้น
โรคหัวใจ:
- กระตุ้นโดยการออกแรง อากาศเย็น หรือความเครียด
- กระตุ้นโดยอาหารรสจัด อาหารมัน ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือการนอนหลังทานอาหารทันที
4. อาการร่วมอื่นๆ
โรคหัวใจ:
- เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออกเย็น
กรดไหลย้อน:
- ท้องอืด เรอเปรี้ยว จุกแน่นกลางอก ไอเรื้อรัง เสียงแหบ
การวินิจฉัย: รู้แน่ได้อย่างไร?
หากคุณมีอาการเจ็บหน้าอกบ่อยๆ หรือรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ชัดเจน โดยแพทย์อาจพิจารณาทำการตรวจต่อไปนี้:
1. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG / ECG)
ใช้ดูความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจหรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
2. ตรวจสมรรถภาพหัวใจ (Exercise Stress Test)
ทดสอบว่าหัวใจทำงานหนักได้ดีแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อสงสัยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ
3. การตรวจด้วยคลื่นเสียง (Echocardiogram)
ดูโครงสร้างหัวใจ การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ และการทำงานของลิ้นหัวใจ
4. การส่องกล้องทางเดินอาหาร (Gastroscopy)
เมื่อสงสัยว่าปัญหาน่าจะมาจากกรดไหลย้อนหรือโรคกระเพาะ
แนวทางการรักษา
หากเป็นโรคหัวใจ
ขึ้นอยู่กับความรุนแรง แพทย์อาจให้ยา เช่น ยาขยายหลอดเลือด ยาต้านเกล็ดเลือด หรืออาจต้องทำหัตถการ เช่น ใส่ขดลวด (Stent) หรือผ่าตัดบายพาส
หากเป็นกรดไหลย้อน
มักรักษาได้ด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น:
- หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น
- งดนอนทันทีหลังมื้ออาหาร
- ยกหัวเตียงให้สูงขึ้น
- ใช้ยาลดกรด หรือยากดการหลั่งกรด
เมื่อไรควรรีบพบแพทย์?
แม้ว่าอาการเจ็บหน้าอกจะไม่ใช่โรคหัวใจเสมอไป แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน:
- เจ็บหน้าอกแน่นอย่างรุนแรง
- เจ็บลามไปแขน คอ หรือกราม
- หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- หน้ามืดหรือหมดสติ
อาการเจ็บหน้าอกอาจเป็นได้ทั้งจากโรคหัวใจและกรดไหลย้อน การแยกแยะด้วยตัวเองอาจเป็นเรื่องยาก แต่การสังเกตอาการร่วม เวลา และลักษณะการเกิดอาการสามารถช่วยเบื้องต้นได้ อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคือการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจรุนแรงถึงชีวิต
หากคุณกำลังประสบกับอาการเจ็บหน้าอกและยังไม่แน่ใจสาเหตุ อย่ารอช้า เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการดูแลสุขภาพหัวใจของคุณอย่างถูกต้องและปลอดภัย